Friday, November 21, 2008

Jar is getting Married...!!!

  • He's giving away his wedding cards
  • If you are not on this list and want to be invited to the his wedding

Here are the ppl i can give the wedding card to them

LukPla - 089 -xxxxxxx
Pat - 081-xxxxxxx
Shane - 086-
xxxxxxx
Sa - 081-
xxxxxxx
Art - 081-xxxxxxx
Pong - 081-
xxxxxxx
Noon - 081-
xxxxxxx
Ther - 081-xxxxxxx
PU - 083-
xxxxxxx
Bank - 089-xxxxxxx
Bomb - 081-
xxxxxxx
เมต - 087-xxxxxxx
Jar - 081-xxxxxxx

These are the ppl I'm not sure if I can see them but here their numbers

Pooh - 081- xxxxxxxx
Tong - 086
- xxxxxxxx
Air - 081
- xxxxxxxx
โจ้ (ชิต) - 086
- xxxxxxxx
Jun - 089 - xxxxxxxx
Nares (โต้ง) - 081
- xxxxxxxx
PingPong - 089 - xxxxxxxx

Fact - Do you know that his Email really is หม่ำจ๊กม๊ก@hotmail.com

what an interesting person.....

คนแบบฉัน - tata young

_____________

Thursday, November 20, 2008

ออม กลับมาพักที่บ้านแล้ว Nov 16 '08


Blog Entryออม กลับมาพักที่บ้านแล้วNov 15, '08 2:34 PM
by Thaksa for everyone

ตอน นี้หมอให้ออมกลับบ้านได้แล้ว ตอนนี้ออมอยู่ที่ออฟฟิสตรงหลักสี่ ไปเยี่ยมกันได้นะ จะไปก็โทรกันไปก่อน ตอนนี้ออมกำลังจะเริ่มกินชาที่พ่อเต๊อะเอามาให้จากจีน โดยชาจะต้องกินผสมกับสมุนไพรและสปอร์ของเห็ดหลินจือ ซึ่งเพื่อนพ่อกินแล้วหายจากโรคมะเร็งเต้านมโดยที่ไม่ต้องรับการรักษาหมอแผน ปัจจุบันเลย แต่จะได้ผลหรือเปล่าคงต้องรอดูกัน โดยจะมีผลข้างเคียงนิดหน่อย แต่ออมก็บอกว่าจะลองดู

Prev: เนื้องอกของออมมีจำนวนเพิ่มขึ้น



  • This is Aom last year late 2007.
  • When she had the 1st cancer treatment.

Gene Therapy, the other way of curing Cancer (2)

Thaksa wrote

เมื่อเช้าออมโทรมา ออมบอกว่าจะถามหมอตอนบ่าย ว่าจะออกได้เมื่อไหร่ สองสามวันนี้ออมไข้ขึ้น บวกกับลืมชาร์ตมือถือ เลยทำให้เต๊อะติดต่อออมไม่ได้ ตอนนี้เกร็ดเลือดยังเพิ่มๆลดๆเลยทำให้ยังออกจากโรงพยาบาลไม่ได้ และคุณหมอก็ห้ามเยี่ยมด้วย

ส่วนเรื่อง Broccoli ที่กินแล้วช่วยเรื่องมะเร็ง อันนี้เต๊อะเคยบอกไว้นานแล้วตั้งแต่ตอนที่เริ่มเป็นว่าให้กิน(จริงๆให้ไปเป็นเล่มเลย ที่เป็นเกี่ยวกับอาหารต้านมะเร็ง เป็นหนังสือนอก แต่เห็นว่ายังไม่ได้อ่านเลย) แต่ถ้าไม่กินแบบปลอดสารหรือ Organic คิดว่าสารพิษจะเยอะกว่าประโยชน์นะ เพราะว่าเมื่อก่อนเคยขึ้นไปดูไร่ที่ปลูกมาอยู่ฉีดยากันแบบว่า ไม่กล้ากินกันเองเลย

ส่วนอาการออมตอนนี้ ที่ต้องรีบเข้าไปทำคีโม เพราะว่าต้องทำให้เนื้องอกตามจุดต่างๆลดอย่างเร็วที่สุด ไม่อย่างงั้นเนื้องอกจะไปกดเส้นประสาท และส่วนต่างๆ อาจจะทำให้อาการหนักขึ้นกว่าเดิมได้(เป็นว่ายังไงตอนนี้ก็ต้องทำคีโม) ส่วนเรื่องการรักษาอย่างอื่นตอนนี้ ก็มีกินยาเห็ดเหมือนเดิมแต่เพิ่มความเข้มข้นขึ้น(ราคาก็แพงขึ้นด้วย) อาหารตอนนี้ก็ควบคุม ไม่กินเนื้อสัตว์ต่างๆ เน้นผัก และก็มีต้องให้ยาที่เกี่ยวกับกระดูก(ที่ปวดอยู่ทุกวันนี้) ส่วนการให้พลังจักรวาลหรือพลังจิตต่างๆ งดเด็ดขาด เพราะทำให้อาการหนักขึ้นกว่าเก่

-------------------------------------------------

LukpLA wrote

ก่อนอื่นก็ขอบใจเต๊อะกับเอด้วยนะที่คอยอัพเดทข่าวสารให้เพื่อนๆรู้ เราเองก็ไม่ค่อยได้ติดต่อออมโดยตรงเพราะกลัวจะไปรบกวน ได้แต่ตามข่าวจากเมลนี่แหละ เอาเป็นว่าคุณหมอให้เยี่ยมเมื่อไหร่ก็บอกนะ เราไปด้วยคน ^^

ก็อย่างที่ทุกคนบอกแหละว่า พวกเราเชื่อว่าออมจะหาย หรืออย่างน้อยก็ดีขึ้นบ้าง อาจจะไม่หายไปทั้งหมด แต่ที่อ่านๆมาก็มีคนป่วยโรคนี้ที่สามารถใช้ชีวิตอยู่ได้ตามปกติ แต่ต้องดูแลรักษาสุขภาพเป็นพิเศษหน่อย

เราก็ได้แต่หวังให้การรักษาอันทรมานต่างๆจบลงเร็วๆ และขอให้ได้ผลดีขึ้นไม่ต้องรักษาซ้ำอีก เพราะเท่าที่อ่านจากเมล เราใจคอไม่ดีเลยที่ต้องรู้ว่าออมต้องทรมานขนาดไหน แต่ด้วยกำลังใจจากเพื่อนๆขนาดนี้ และออมเองก็เข้มแข็งมากๆ เราเชื่อว่าออมจะดีขึ้น และจะหายจากความทรมานต่างๆอย่างแน่นอน

ถ้าเต๊อะ หรือเอ ได้คุยกะออม ฝากบอกออมว่าเราคิดถึงและเป็นกำลังใจให้นะ คงไม่โทรไปเอง เพราะโทรไปเจอตอนออมกำลังอาการไม่ดีแล้วเราเลยไม่กล้าโทรอีก บอกออมว่าว่าถ้าเยี่ยมได้เมื่อไหร่ จะรีบเสนอหน้าไปทันทีเลยจ้ะ (“,)


Miz u all. TC.

Lukpla

--------------------------------------------------

PU wrote

Mental power or kinesis ...... so exciting but i think AOM have to voided with this wa. think that can't be help our friend (just my comment).

---------------------------------

Thaksa wrote


ไม่ใช่ว่ามันไม่ดีนะปุ๊ ไอ้พลังจักรวาลอะ มันได้ผลแบบเห็นชัดทันทีเลย แต่ว่าร่างกายออมรับไม่ไหว คือเริ่มแรกไอ้พลังนี้มันจะดึ
งอาการของโรคมะเร็งออกมาทั้งหมด ก่อน คือเอาง่ายๆว่า มีอะไรซ่อนอยู่ดึงออกมาให้หมด แล้วไล่ออกจากร่างกาย ซึ่งของร่างกายออม มีโรคซ่อนอยู่มากเกินไป พอพลังมันดึงออกมาแล้วเลยทำให้เป็นอย่างที่เห็น คือ มีเนื้องอก งอกเพิ่มออกมาเป็นจำนวนมาก ทั่วทั้งร่างกาย ตัวปอดที่มีมะเร็งอยู่แล้วแฟ๊บลงอย่างรวดเร็ว เหมือนว่าพลังมันไปไล่หรือไป กำจัดมะเร็ง ถ้าทำต่อคิดว่าอาจจะตายได้ จึงจำเป็นต้องหยุด หลังจากหยุดไป ครั้งล่าสุดที่ตรวจปอด ปอดเริ่มพองออกมาแล้ว จึงเป็นที่แน่ชัดว่าเป็นเพราะไปทำพลังจักรวาล ตอนนี้เลยตัดวิธี นี้ไปได้เลย สำหรับคนอื่นที่ร่างกายแข็งแรงกว่าออม คิดว่าคงจะรักษาด้วยวิธีนี้หายเป็นแน่แท้(เห็นออมว่ามีหายหลายคนแล้วด้วย เต๊อะก็มีคนมาเล่าว่าหายเยอะเหมือนกัน)

สำหรับตอนนี้ที่ต้องรีบทำก็คือ ต้องทำคีโม เพื่อให้เนื้องอกยุบลงก่อน อันนี้สำคัญที่สุด พอหายแล้วจะทำการรักษาด้วยวิธีอื่นๆถึงจะได้ เพราะเวลาทำคีโม เซลดี เซลไม่ดี ตัวยาคีโมมันฆ่าหมด จะทำอะไรตอนนี้ก็ไม่มีประโยชน์เท่าไหร่

--------------------------------

Oct wrote


I've been reading up a few sites, about cancer and food intake. Gene therapy sounds like a superb i dea right now. I will post more info as i sums up what i've got. love you guys. and for Aom , keep up the hope, there's miracle :D

OCT



Gene Therapy, the other way of curing Cancer (1)

____________________

Sunday, November 16, 2008

ขอบคุณน้อง ๆทุกคนด้วยค่ะ

mOo aA
To: A
Subject: ขอบคุณน้อง ๆทุกคนด้วยค่ะ
Date: Nov 8 10:42 PM

วันนี้เกล็ดเลือดต่ำมากจากการตรวจเลือดแล้ว และยังต้องให้เลือดอีกด้วย----พรุ่งนี้อาการน้องพี่เป็นยังไงแล้วจะบอกอีกที นะค่ะ---และคุณหมอยังคงห้ามเยี่ยมเหมือนเคย (หนักกว่าเดิมอีก!!) พี่,น้อง แล้วก็หลาน ๆยังต้องไปขออนุญาติพยาบาลที่เคาน์เตอร์ก่อนเยี่ยมเลยอ่ะค่ะ

---แล้วจะรายงานผลให้ทราบอีกทีนะค่ะ ขอบคุณมาก ๆเลยสำหรับความเป็นห่วงและกำลังใจที่มีให้ออมมาตลอด ขอบคุณน้อง ๆทุกคนด้วยค่ะ
--- mOo aA wrote:

Friday, November 14, 2008

Gene Therapy, the other way of curing Cancer


To Our Friend I found something that might help Aom but we have to Search for more detail.

PLease check all website that i put in this email


มันเป็นการรักษาตรงไปยังยีนที่มีปัญหา อาทคิดว่าวิธีอื่นๆจะมีผลข้างเคียงต่อร่างกายพอสมควร แต่วิธีนี้หน้าจะดีก่า
ลองช่วยกันหาข้อมูลเพิ่มเติมด้วยนะท่านทั้งหลาย







เทคโนโลยีใหม่นี้ กำลังพัฒนาไปอย่างรวดเร็วอาจจะเป็นทางออกอีกที่หวังพึ่งพาได้อะนะ คนไทยก็มี
ศาสตราจารย์นายแพทย์ดอกเตอร์ ทองปลิว เปรมปรี ผู้อำนวยการศูนย์ Oncology and Gene Therapy Center
แห่งโรงพยาบาลปิยะเวท ผู้เชี่ยวชาญด้านการรักษาโรคมะเร็งด้วยพันธุกรรมบำบัด หรือ Gene Therapy

ART
------------------------------------------------------

Pu wrote


Good info bro. think that can be help AOM either reduce some of cancer
---------------------------------------------

LuKpLA wrote

เพิ่มเติมคะ ^^

นายแพทย์อารีย์ วชิรมโน


กับประสบการณ์รักษามะเร็งหายได้
ด้วยตัวเอง


วันชัย ตันติวิทยาพิทักษ์ : สัมภาษณ์






ปีนี้คุณหมออารีย์มีอายุได้ ๗๗ ปีแล้ว เป็นคนร่างเล็ก ผิวพรรณดี หน้าตาแจ่มใสดูราวคนอายุ ๕๐
ต้น ๆ หลายปีก่อนท่านป่วยเป็นมะเร็งระยะสุดท้าย จึงตัดสินใจเดินทางกลับเมืองไทย คุณหมอเลือกที่
จะใช้ชีวิตอยู่ในชนบท และตั้งใจสู้ชีวิตครั้งใหม่ ต่อสู้กับมะเร็งด้วยการไม่ผ่าตัด ไม่ฉายรังสี ไม่ยอม
ให้คีโม แต่ใช้แนวทางแบบธรรมชาติบำบัด โดยการเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิต ให้กลับไปสู่ธรรมชาติ
ให้มากที่สุด


คุณหมอปฏิบัติตัวสม่ำเสมอ ตั้งแต่การเลือกกินอาหารเฉพาะผัก ผลไม้ การกินวิตามินเสริม การ
ออกกำลังกาย การล้างพิษ การพักผ่อน ทำตัวให้อารมณ์ดีไม่เครียด มองโลกในแง่บวก ความตั้งใจที่
จะมีชีวิตต่อไป และที่สำคัญคือกำลังใจจากครอบครัว


สามเดือนผ่านไปคุณหมออารีย์รอดพ้นความตายจากมะเร็ง ทุกวันนี้คุณหมอใช้ชีวิตในบ้านไร่แห่ง
หนึ่งของจังหวัดสกลนคร คอยให้ความช่วยเหลือชาวบ้านยากจนที่ป่วยเป็นมะเร็ง ในขณะที่มีผู้ป่วย
มะเร็งระยะสุดท้ายจากทั่วประเทศหลายคนเดินทางมาหาท่าน คุณหมออารีย์บอกว่า คนเป็นมะเร็งส่วน
ใหญ่จิตใจจะห่อเหี่ยว และสิ้นหวัง แต่การรักษามะเร็งนั้นจิตใจสำคัญที่สุด เราต้องทำให้ผู้ป่วยมะเร็งมี
ความหวังที่จะมีชีวิตต่อไป แต่ยอมรับว่าโอกาสที่ผู้ป่วยมะเร็งจะหายได้นั้น ท่านช่วยได้เพียงครึ่งเดียว
คือการจัดหาวิตามิน เกลือแร่ชนิดต่าง ๆที่เป็นประโยชน์ต่อการสร้างภูมิต้านกิน ส่วนอีกครึ่งหนึ่งขึ้นอยู่
กับตัวคนไข้เอง ที่จะยอมปฏิบัติตามแนวทางการรักษา ๗ อ ของท่านหรือไม่


๗ อ ที่ว่านี้คือ ควบคุมอาหาร เอาพิษออกจากร่างกาย อารมณ์ดี ไม่เครียด สูดอากาศบริสุทธิ์
เอนกายหรือการพักผ่อนให้เพียงพอและอิทธิบาทสี่


ผู้ป่วยมะเร็งหลายคนที่ได้รับคำแนะนำจากคุณหมอ หลายคนเสียชีวิต แต่หลายคนที่ปฏิบัติอย่าง
จริงจังอาการดีขึ้น มีคุณภาพชีวิตดีขึ้นเรื่อย ๆ คุณหมอบอกกับเราว่า มะเร็งไม่เคยให้โอกาสกับใคร
เป็นครั้งที่ ๒ ขณะที่มะเร็งกำลังเป็นโรคฮิตที่ไต่ขึ้นอันดับหนึ่งในยุคปัจจุบัน ลองพิจารณาบทสัมภาษณ์ครั้ง
นี้ แล้วคุณอาจจะรู้ว่า จะเริ่มต้นดูแลสุขภาพอย่างจริงจังของคุณและคนใกล้ชิดอย่างไร





- คุณหมอเป็นผู้เชี่ยวชาญทางด้านไหนครับ
ผมเป็นหมอผ่าตัดเปลี่ยนหัวใจ ผมจบปริญญาเอกจากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดและที่มหาวิทยาลัย
มอสโกด้วย ผมสอนนักศึกษาปริญญาเอกที่ฮาร์วาร์ดมาเป็นเวลา ๓๐ ปี


- ทำไมคุณหมอจึงตัดสินใจเดินทางกลับเมืองไทย
ผมตั้งใจจะกลับมาตั้งนานแล้ว พอดีเป็นมะเร็งต่อมลูกหมากระยะสุดท้าย ทีแรกนึกว่าเป็นนิ่ว
ปัสสาวะมันขัด พอไปเอกซเรย์ดู ต่อมลูกหมากโตเบ้อเริ่ม เมื่อรู้ว่าเป็นมะเร็งผมก็ตัดสินใจกลับมา
ตายเมืองไทย อยากกลับมาหาแม่ และอยากกล ับมาอยู่ป่า เพราะอยู่ป่าคอนกรีตมา ๓๐ กว่าปีแล้ว
ตอนเป็นมะเร็งหนัก ๆ จะตายแล้ว ลูกสามคนไปให้กำลังใจ ตอนนั้นผมคิดว่าคงอยู่ไม่ถึง
อาทิตย์ พอลูกเตือนสติว่า ไหนป๋าบอกว่าจะมีอายุอยู่ถึง ๑๒๑ ปีให้ได้ ป๋าผิดคำพูด สู้ไม่จริง ...นั่น
แหละ จึงได้คิดว่าจะลองสู้ดูสักตั้งไหม มะเร็งไม่เคยให้โอกาสคนครั้งที่ ๒ ผมไปซื้อรองเท้ามาฝึก
เดิน แล้วคิดว่าจะแก้เรื่องเครียดยังไง เพราะความเครียดเป็นสาเหตุสำคัญของมะเร็งทีเดียว คิด
ไม่ออก นอนปลงอยู่บนเก้าอี้ผ้าใบ คิดว่าถ้ากูตาย ลูกจะรู้หรือเปล่า ใครจะไปบอก เพราะผมอยู่ใน
ป่าคนเดียว จนกระทั่งคิดหาวิธีแก้เครียดได้ คือการคิดแบบตรงกันข้าม เช่นมีคนมาลักวัวเรา ก็ไม่
ต้องเครียด ถือเสียว่าได้ชดใช้กรรมกันในชาตินี้ เพราะชาติที่แล้วกูไปลักของเขามา หรือมีคนด่าเรา
ถือเราได้บุญ เพราะช่วยให้คนที่ด่าเราหายเครียด ได้ระบายอารมณ์ พอคิดได้อย่างนี้ ตอนหลังคิด
อะไรเป็นตรงกันข้ามหมด คิดว่าเราต้องมีชีวิตอยู่เพื่อลูกนะ และแม่เรายังอยู่ เราจะตายก่อนแม่ได้
อย่างไร และแม่เราเป็นชาวบ้านธรรมดา ไม่รู้จักรักษาสุขภาพตัวเอง แต่เราเป็นหมอ จะมาตายกับ
โรคโง่ ๆ อย่างนี้ไม่ได้ เราอายแม่ อายหมาด้วย หมายังไม่เป็นมะเร็งเลย เมื่อมันเป็นแล้ว ถ้า
เรายังแก้ไม่ได้ เราไม่ใช่คน แต่เราก็รู้ว่าการที่จะสู้ ต้องสู้ด้วยจิต ฝึกจิตให้ได้ เริ่มคิดไปในทาง
บวก อะไรก็ดีหมดทุกอย่าง

- มะเร็งนี่ถือว่าทำให้ชีวิตเปลี่ยนไปเลย
ใช่ครับ แต่ก่อนผมเป็นคนดุมาก อารมณ์เกรี้ยวกราด ไม่ยอมคน เหี้ยมมากจนลือชื่อเลย ผม
ได้คิดว่าความเหี้ยม สิ่งแวดล้อม บวกกับการกินอาหารซึ่งผมกินเนื้อแบบฝรั่งตลอด ทำให้ผมเป็นมะเร็ง
แต่พอป่วย เรารู้ว่าจะหายจากมะเร็งได้จิตต้องเปลี่ยน นิสัยการกินต้องเปลี่ยนอย่างเด็ดขาด เท่านั้น
แหละ ดีวันดีคืน ค่ามะเร็งลดลงอยู่แค่ ๗ จาก ๕๗๑ ซึ่งเป็นค่ามะเ ร็งระดับสูง ผมรักษาตัวอยู่ ๓
เดือนกว่า หายเลย โรคอื่นก็พลอยหายไปด้วย เบาหวานก็ไม่เป็น โรคเกาต์ที่ต้องกินยามา ๒๐ กว่า
ปี ตอนนี้หายหมด คิดถึงมันมากเลย
คือเราไม่กินเนื้อ ไขมัน กินแต่ผัก ผลไม้ เกลือแร่และวิตามิน ผมอยู่ในป่า อาหารที่กินประจำ
คือข้าวกล้องและใบบัวบก บางทีก็มีคนซื้อกล้วย ซื้อส้มมาฝากบ้าง


- ทำไมจึงกินเฉพาะข้าวกล้องกับใบบัวบกครับ
เพราะแถวนั้นไม่มีอะไรจะกิน เราอยู่คนเดียวในป่า ผมอ่านหนังสือเจอว่า คนอายุยืนที่สุดใน
โลกเป็นคนจีน ชื่อศาสตราจารย์ลียุนชุง เกิดปี ค.ศ. ๑๖๗๗ ตายเมื่อปี ค.ศ. ๑๙๓๓ เขากิน
มังสวิรัติ ที่กินอยู่เป็นประจำคือโสมจีนและใบบัวบก ตอนอายุ ๒๐๐ ปียังไปบรรยายที่มหาวิทยาลัยซิ
นเกียง ๒๘ คร ั้ง ท่านเสียชีวิตตอนอายุ ๒๕๖ ปี หน้าตาท่าทางเหมือนกับคนอายุ ๕๐ ปีแค่นั้น ท่าน
บอกว่าเป็นเพราะอาหารและความไม่เครียด ตามจริงถ้าจะรักษามะเร็ง กินแค่นั้นไม่ได้ ต้องกิน
วิตามินจำนวนมากช่วยด้วย แต่ว่าจิตเราได้ เราต้องอยู่เพื่อแม่นะ จิตเราต้องสู้นะ วันนี้เดิน ๑๐
ก้าว พรุ่งนี้ต้องเดิน ๑๕ ก้าวให้ได้ มะรืนนี้ต้อง ๒๐ ก้าวให้ได้ เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ฝึกหายใจนะ อยาก
จะมีชีวิตอยู่ อยากจะหาย
แต่ก่อนมีความคิดว่าตายเมื่อไหร่ก็ช่างมัน ทรมานเหลือเกิน ไม่รู้อยู่ทำไม มีแต่สิ่งไม่ดีในโลกนี้
เบื่อหน่ายเหลือเกิน คือมองไปทางไหนก็เป็นลบหมด เดี๋ยวนี้มองอะไรเห็นเป็นสีชมพู สีเขียว สดชื่น
ไปหมด คนด่าก็ยิ้ม มีความสุข ฉะนั้นทุกวันนี้ผมมองโลกในแง่บวก มะเร็งทำให้เราคิดว่า การสู้กับ
มะเร็ง ใครชนะมะเร็งได้ เหมือนคนนั้นตรัสรู้แล้ว พออาการมะเร็งเริ่มดีข ึ้น ๆ รู้ทันทีว่าทำไมจิต
ใจเราเห็นอะไรดีไปหมด ผมไปสะดุดมีดสะดุดพร้า เท้าแหกเลย เรายังขอบคุณมัน ที่ช่วยเตือนสติว่า
จะเดินไปไหนต้องระมัดระวังทุกย่างก้าว ทีหลังอย่าซุ่มซ่ามแบบนั้น คิดเสียว่าเป็นมะเร็งก็ดีนะ ถ้าไม่
เป็นมะเร็ง เราคงเป็นคนเหี้ยมโหดเหมือนเก่า


- คุณหมอรักษาตัวอยู่ ๓ เดือนหายเลย ใช้วิธีคุมการกินอาหารและไม่เครียด...ใช่ไหมครับ
อาหารเราต้องงดเนื้อสัตว์เด็ดขาดเลย งดอาหารปรุงแต่ง เนื้อปลาก็ไม่กิน ในช่วงนั้นเรา
ต้องถนอมตับที่สุด เพราะตับเป็นอวัยวะที่เป็นฐานทัพใหญ่ ถ้าตับเราไม่ดี เสร็จเลย ร่างกายจะฟื้นไม่
ได้ ตับสำคัญที่สุด วิธีถนอมตับคืออย่ากินมาก อย่าสะสมพิษให้ตับทำงานหนัก อย่าท้องผูก กินอาหาร
โปรตีนเข้าไปเยอะ ๆ ตับก็ทำงานหนัก เมื่อตับเราดี มันสามารถช่วยอย่างอื่นหมด ไตก็ผลพลอยได้
ประโยชน์ด้วย เดี๋ยวนี้หน้าตาเราสดใส เมื่อก่อนหน้าตาเราโทรม ดังนั้นความเครียดจึงเป็นเรื่อง
สำคัญที่เราต้องจัดการให้ได้


- หากแก้ปัญหาเรื่องเครียดได้แล้ว โอกาสหายจากมะเร็งก็สูงขึ้น


ก็เราเคยเห็นคนบ้าเป็นมะเร็ง เป็นเบาหวาน ความดัน หรือท้องเสียไหมล่ะ ขนาดเขาหาของกินจาก
ถังขยะ เคยเห็นคนบ้าเป็นมาลาเรียหรือไม่ แต่อย่าไปตรวจเลือดนะ เชื้อมาลาเรียเต็มเลย แต่
เชื้อทำอะไรเขาไม่ได้ เชื้อโรคเหล่านี้ความจริงมันเป็นเพื่อนเรา ฉะนั้นจิตเป็นเรื่องสำคัญ ทำ
อย่างไรไม่ให้เครียด
มีแม่ชีคนหนึ่งมาพบผม เป็นมะเร็งระยะสุดท้ายแล้ว ทีแรกบวชเพราะต้องการทำสมาธิ แต่ทำ
ไม่ได้ คอยแต่คิดถึงกิจการโรงงานที่กรุงเทพฯ ห่วงลูกที่ยังเรียนหนังสือ ผมบอกว่าปล่อยวางซะเถอะ
ครับ ตัดเรื่องเครียดอะไรได้ ตัดเถอะ จากเดิมที่อาการหนัก ใกล้จะเสียชีวิตอยู่แล้วเพราะเป็น
มะเร็งที่เต้านม แล้วเข้าปอด เข้าสมองแล้ว พูดก็เบลอ ๆ ปรากฏว่าตอนหลังปฏิบัติเรื่องจิตได้ ไม่
เครียด ตอนนี้หาย ไม่มีอาการอะไรเลย เห็นว่าครั้งหลังสุดไปทำสแกนดู ปรากฏว่าเซลล์มะเร็งหด
ลงแทบมองไม่เห็นแล้ว สุขภาพก็ดี ตอนนี้จิตเขาสบายมากเลย


- เมื่อคนไข้หายเครียด มองโลกในแง่บวก ทำไมร่างกายจึงดีขึ้น
หากท่านสามารถทำให้จิตของท่านมองโลกในทางบวก หรือทำให้จิตของท่านมีสมาธิ ตัวจิตนี้จะ
ไปกระตุ้นต่อมพิทูอิตารี ให้หลั่งโกรทฮอร์โมนมา พวกนี้เป็นฮอร์โมนที่ซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอของร่างกาย
ไปกระตุ้นต่อมไทรอยด์ ต่อมแอดดินอล ให้ขับแต่ฮอร์โมนชนิดดี ๆ ออกมาเพื่อจะไปกระตุ้นให้อวัยวะ
ต่าง ๆ ทำงาน จนกระทั่งต่อมต่าง ๆ ที่ผลิตภูมิต้านกินหรือเม็ดเลือดขาว ทำงานได้เต็มที่ คือมัน
เริ่มมาจากจิต เมื่อจิตคิดดีทำดี หรือสามารถทำสมาธิได้ สมองส่วนนี้ก็จะขับฮอร์โมนที่เป็นประโยชน์
ออกมาทันที แต่ถ้าจิตมองโลกในทางลบ สมองส่วนนี้แทนที่จะไปกระตุ้นให้ร่างกายผลิตฮอร์โมนชนิดดี
ออกมา มันไปกระตุ้นต่อมหมวกไตให้ผลิตฮอร์โมนอะดรินาลิน ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่เกิดจากความเครียด
ทำให้ผลิตเม็ดเลือดขาวที่อ่อนแอออกมา แล้วอย่าลืมว่าโกรทฮอร์โมนประกอบไปด้วยกรดอะมิโน ๑๙๑
ชนิด แต่ท่านไม่ต้องเที่ยวหาซื้อกรดอะมิโนพวกนี้มากิน มันอยู่ที่ตับเรา สามารถสังเคราะห์ได้หมด
การที่จีนฝังเข็มหรือกดจุดก็เพื่อต้องการให้ตัวนี้หลั่ง คนไข้จะได้ไม่เจ็บปวด


- ฝึกอย่างไรให้เป็นคนมองโลกในแง่บวก
คนที่เคยเครียดมาแล้ว จะเปลี่ยนทันทีไม่ได้ ผมหายจากมะเร็งได้ ผมโชคดีมาก อาทิตย์เดียว
ผมเปลี่ยนจิตได้เลย มันเหมือนมีอะไรมาดลใจ รู้ทางเลย แต่ก่อนสอนนักศึกษา สอนได้หมด พอเจอ
กับตัวเอง ลืมหมด แก้ไม่ถูกเลย พอแก้ได้ อาทิตย์เดียว หน้ามือเป็นหลังมือเลยทั้งที่จะตายอยู่แล้ว
ตอนนั้นแหละที่ว่าผมหนัก มากๆ ลูกสามคนมาเยี่ยม ช่วงนั้นผมใกล้จะเสียชีวิตแล้ว ลูกสามคนมาให้
กำลังใจ ผมก็คิดว่าถ้าเราจะสู้ซักตั้ง เราจะรอดมั้ย เพราะมะเร็งไม่เคยให้โอกาสใครครั้งที่ ๒ อีก
เลย ก็ลองดู วันนั้นนอนหมดกำลังใจอยู่ ก็คิดได้ หลังจากนั้นไม่ถึงอาทิตย์ แก้เรื่องจิตได้ ก็หายวัน
หายคืน กระทั่งทุกวันนี้ ความเกลียดชัง ความเครียด หรือมีอะไรมากระทบจิตใจ อยู่ในตัวผมไม่
เกิน ๑ นาทีเด็ดขาด ผมต้องแก้ให้ได้ เพื่อเปลี่ยนอารมณ์เป็นตรงกันข้ามทันที
พระพุทธองค์ท่านบอกว่า จิตอยู่ที่ไหน พลังอยู่ที่นั่น ไอน์สไตน์มีความเชื่อว่า พลังที่รุนแรงที่สุด
มีอำนาจที่สุดในโลกนี้ สู้พลังจิตไม่ได้ แม้แต่ตัวท่านเองที่สามารถคิดค้นปรมาณูได้ว่ามีพลังมหาศาล แต่
ก็สู้พลังจิตไม่ได้ ท่านจึงหันมานับถือศาสนาพุทธ กินมังสวิรัติ เพื่อที่จะได้ศึกษาเรื่อ งจิต ปรากฏว่าไม่
มีใครที่จะให้ความรู้ให้ท่านได้เพียงพอเกี่ยวกับแนวทางการทำสมาธิ ท่านก็เลยไม่สำเร็จ เสียชีวิตก่อน
ผมติดใจที่ไอน์สไตน์นับถือศาสนาพุทธทั้ง ๆ ที่เป็นยิว


- ตั้งแต่เป็นมะเร็ง คุณหมอไม่ได้รักษาทางแพทย์แผนปัจจุบันเลยใช่ไหมครับ หรือว่าเคยรักษาแล้วแต่
ไม่ได้ผล
ไม่รักษาเลย เพื่อนบอกว่าต้องผ่าตัดก็ไม่เอา เพราะมันไม่ใช่ทางนี้ คือเรารู้มาอย่างละเอียด
แล้วว่าเราชนะจิตใจเราได้มั้ย ถ้าเราควบคุมจิตเราได้ ก็จบ แต่ถ้าเราควบคุมไม่ได้ เราก็ตาย
ผมมีเพื่อนเป็นโปรเฟสเซอร์ทั้งผัวเมีย เป็นมะเร็งตายทั้งคู่ เขารักษาแบบแพทย์แผนปัจจุบัน คือผ่ า
ตัดและคีโม แต่ผมไม่เอา อันที่จริงผมสนใจเรื่องการรักษาแบบธรรมชาติมานานแล้ว แต่ไม่มีโอกาส
ได้ใช้ จนกระทั่งเป็นมะเร็ง แล้วสนใจมาทดลองกับตัวเองจนหาย ตอนหลังมีโอกาสได้ใช้กับคนไข้
เยอะมาก ก็เห็นว่ามีผลดีและหายแบบยั่งยืนเสียด้วย ก็เลยศึกษามาเรื่อย ๆ


- หลักการรักษามะเร็งของคุณหมอนอกจากเรื่องความเครียดแล้ว ยังมีอะไรอีกบ้าง
วิทยายุทธ์ที่เราจะสู้กับมะเร็งอันดับแรก คือ หยุดการขยายตัวของมะเร็งด้วยการควบคุมอาหาร
อย่างแรกคือลดไขมันให้น้อยที่สุด เพราะไขมันเป็นอาหารอันดับหนึ่งที่มะเร็งชอบที่สุด ตามปรกติใน
ข้าว พืชผักทุกชนิด มีไขมันเพียงพออยู่แล้ว ที่เราเกิดโรคภัยไข้เจ็บทุกวันนี้เพราะไขมันเกิน ไขมันที่
เรากินทุกวันมันเกิดออกซิไดซ์เป็นอนุมูลอิสระหมดแล้ว เพราะการสกัดไขมันเราใช้ความร้อน พอถูก
ความร้อน ไขมันมันเสีย และไขมันที่ใช้แล้วใช้อีกยิ่งหนักเข้าไปอีก อย่างพวกปาท่องโก๋ กล้วยแขก
พวกนี้เป็นสารก่อมะเร็ง คนอ้วนเวลาเป็นมะเร็งจะลามเร็วมากเพราะมันได้อาหาร มะเร็งเหมือน
ต้นไม้เรา อยากให้ต้นไม้หยุดการเจริญเติบโต เราต้องหยุดให้น้ำหยุดให้ปุ๋ย มันจะชะงัก ใบร่วงเลย
แต่ต้นไม่ก็ยังไม่ตาย มนุษย์เราเหมือนกัน อย่าให้อาหารที่มะเร็งชอบ
อาหารอย่างต่อมาที่ต้องลดคือโปรตีนจากเนื้อสัตว์และพืชโดยเฉพาะถั่วเหลือง เมื่อเรากิน
โปรตีนเข้าไปมาก และร่างกายนำโปรตีนไปเผาผลาญเป็นพลังงานแล้ว จะเกิดของเสียคือแอมโมเนีย
ตัวนี้เป็นตัวร้าย มันเวียนกลับไปทำให้ตับต้องทำงานหนักเพื่อเปลี่ยนเป็นยูเรีย ออกมาทางไตเป็นส่วน
มากและออกมาทางลำไส้ใหญ่ ทำให้อุจจาระมีกลิ่นเหม็น พิษจากลำไส้ใหญ่จะถูกดูดซึมกลับเข้าไปใน
กระแสเลือด ทำให้ระบบทุกอย่างในร่างกายขัดข้องหมดเลย คนท้องผูกจะหงุดหงิดอารมณ์ไม่ดี ดังนั้น
ตับกับไตทำงานหนักเพราะกินโปรตีนเข้าไป โดยเฉพาะคนที่เป็นมะเร็งในตับต้องระวังที่สุด


- คนปรกติต้องการโปรตีนวันละกี่กรัมครับ
คนปรกติต้องการโปรตีนไม่เกิน ๓๕ กรัมต่อวัน ฉะนั้นคนที่เป็นมะเร็งลำพังโปรตีนที่ได้จากข้าว
กล้อง พืชผัก ผลไม้ก็พอเพียงแล้ว พออาการค่อยยังชั่วหน่อย เราก็กินเห็ดซึ่งมีโปรตีนสูงและมีเกลือ
แร่มากที่สุด มีมากกว่าเนื้อแดงด้วยซ้ำ แต่เห็ดที่มีคุณภาพสูงมากที่สุดคือเห็ดมิตาเกะที่ญี่ปุ่นขายแพงมาก
มันมีสารที่ป้องกันมะเร็งและสารที่สร้างภูมิต้านทานสูงมาก สารตัวนี้เป็นโปรตีนชนิดหนึ่งแต่เป็นโปรตีน
ที่มีประโยชน์
อาหารอย่างที่ต้องลดคือแป้งขัดขาว น้ำตาล ของหวาน อย่างข้าวขาวนี่เวลาย่อยแล้วเปลี่ยน
เป็นน้ำตาลได้เร็วมาก หากเราใช้ไม่หมดมันจะถูกส่งไปเก็บไว้ในตับหรือในกล้ามเนื้อ เวลาร่าง
กายต้องการจะดึงกลับมาใช้อีก พอเหลือมันกลับไปเป็นไขมัน บางคนบอกว่าฉันไม่ได้กินไขมันเลย
ทำไมฉันยังอ้วนก็ไ ม่รู้ ก็เล่นกินขนมขบเคี้ยวไม่หยุด ของพวกนี้มันเปลี่ยนเป็นไขมันได้ ตับเปลี่ยนไข
มันหรือน้ำตาลเป็นโปรตีน และยังเปลี่ยนน้ำตาลกลับมาเป็นโปรตีนและไขมัน





- แป้งขัดขาวทำปฎิกิริยากับร่างกายอย่างไรครับ
เวลากินของหวาน กินข้าวขาวเข้าไป ร่างกายจะเปลี่ยนเป็นกลูโคสมาเลี้ยงสมองได้เร็วมาก
สดชื่นได้เร็วมาก ระดับน้ำตาลขึ้นปรู๊ดเลย พอน้ำตาลในเลือดมาก สมองจะกระตุ้นให้ตรงนี้ขับ
อินซูลินออกมา เพื่อเผาผลาญน้ำตาลที่กินเข้าไปให้เป็นพลังงาน วิตามินที่จะมาช่วยเผาผลาญ คือ
วิตามินบีคอมเพล็กซ์ แต่ข้าวที่เรากินเข้าไปไม่มีวิตามินบีเพราะขัดออกหมดแล้ว ฉะนั้นต้องดึงวิตามิน
ในร่างกายออกมาเผาผลาญ ร่างกายเราก็ขาดวิตามินบี ทำให้ระบบประสาทเกิดเหน็บชาและตับอ่อน
ทำงานหนักที่สุด เพราะเมื่อกลูโคสขึ้น สมองไฮโปเทมัสส่วนนี้สั่งให้ตับอ่อนผลิตอินซูลินออกมาเพื่อเผา
ผลาญน้ำตาลให้ลดลง และมันผลิตออกมามากซะด้วย แป๊บเดียวน้ำตาลลดฮวบเลย เพราะฉะนั้นพวก
กินข้าวขาวหรือของหวานจะหิวไม่หยุด ยิ่งกินน้ำตาลมากเท่าไหร่ ตับอ่อนยิ่ง ทำงานหนัก ตอนน้ำตาล
ลดนี่จะอารมณ์ไม่ดี หงุดหงิดเลย พวกคนอ้วนเป็นเบาหวานต้องระวัง จะดุมาก ตอนกินจะอารมณ์ดี
พอถูกเผาผลาญหมด แป๊บเดียวจะอารมณ์เสียแล้ว เหมือนที่โบราณเขาพูดว่า อยากให้หมาดุ ให้กิน
ของหวาน ช่วงที่มันกินของหวานจะอารมณ์ดี แจ่มใส พอแป๊บเดียวมันหิวแล้ว ระวังให้ดี มันจะกัดได้
คนก็เหมือนกันเลย ที่อเมริกาไม่รู้คุกไหน หลายปีมาแล้ว เขาแบ่งนักโทษฉกรรจ์เป็นสองพวก พวก
หนึ่งให้หยุดกินของหวานหมดเลย กินแต่ขนมปังโฮลวีต อีกพวกหนึ่งให้กินแต่ของหวาน ปรากฏว่าภายใน
อาทิตย์เดียว พวกแรกนิสัยใจคอเย็นลง ส่วนพวกหลังฆ่ากันเองตายหลายศพ


- คนที่เป็นโรคไหลตายมีรายงานว่าอาจจะเกิดจากการกินแป้งมากเกินไปด้วย
ส่วนมากโรคไหลตายเกิดจากหัวใจหยุดกะทันหัน พวกที่กินไขมันหรือกินของหวานมาก ๆ ก่อน
นอน หรือกินอาหารมื้อหนักก่อนนอน เมื่อมีไขมันมากอยู่แล้ว พอกินเข้าไปตอนกลางคืน ไขมันจะเพิ่มขึ้น
สูงมาก จึงมีโอกาสสูงที่ไขมันจะอุดตันที่สมองหรือหัวใจ สังเกตว่าพวกที่ตายกลางคืนทั้งหลาย ก่อน
นอนคืนนั้นมักกินอาหารหนัก ส่วนมากเป็นคนที่มีไขมันในเลือดสูง อย่างเป็นความดัน ก่อนนอนแทนที่จะ
กินอาหารเบา ๆ หรือกินพืชผักผลไม้ เล่นกินอาหารหนักเลย พลังงานเมื่อไม่ได้ใช้ ไขมันก็ขึ้นสูง หัว
ใจทำงานหนักเนื่องจากกระเพาะทำงานหนัก เรานอนปิดแต่ตา แต่ทุกอย่างยังทำงานหนัก พลังงานก็
ไม่ได้ใช้ ไขมันไปเพิ่มอีก คนที่ไขมันมาก ๆ เส้นเลือดตีบอยู่แล้ว มันจะอุดตันตรงไหนก็ได้ ผม
สังเกตดู ถ้าคนสุขภาพดี ไม่กรน ไม่ได้เป็นโรคหัวใจกับเส้นเลือดมาก่อน และไม่ได้กินอาหารหนักก่อน
นอน คุณจะไม่เป็นเด็ดขาด แต่ส่วนมาก พวกที่ไหลตายเป็นคนอีสาน ชอบของหวานมาก การพักผ่อนก็
ไม่พอ ก่อนนอนกินหนักมาก


- นอกจากน้ำตาลแล้ว เกลือก็ต้องลดด้วยใช่ไหม
โซเดียมคลอไรต์หรือเกลือต้องลดลงให้มาก ในร่างกายเราประกอบด้วยโซเดียมสูงมากอยู่แล้ว
แต่ถ้าเรากินเข้าไปมาก พอมันเข้าไปในกระแสเลือดมาก มันจะดูดน้ำในตัวเรา< style=" "> สังเกตพวกกินเค็มหรือไต
ไม่ดี เท้าจะบวม เกลือมันจะทำให้เลือดเราเป็นกรด คนที่สุขภาพดี เลือดต้องเป็นด่างนิดหน่อย แต่
ถ้ากินเค็มเข้าไป เลือดจะเป็นกรดภูมิต้านทานจะไม่มีเพราะกินเกลือเข้าไปจะไปขับโปแตสเซียมทำให้
เลือดไม่เป็นด่าง
นอกจากลดกรดแล้ว ให้เพิ่มโปแตสเซียมเข้าไปในร่างกายเพื่อให้เลือดเป็นด่าง เนื่องจากคนที่
เป็นมะเร็งจะเครียด ไม่สบาย พอเครียด ร่างกายจะเกิดกรด จะมีคาร์บอนสูงมาก เราจึงให้กินน้ำ
ต้มผัก ซึ่งมีโปแตสเซียมสูงที่สุด ที่เราเจ็บ ร่างกายอ่อนเพลีย เพราะเราขาดโปแตสเซียม แต่ถ้า
ตัวใดตัวหนึ่งมากเกินก็ไม่ดี เราต้องดูผลเลือด
&nbs p; การแก้เลือดเป็นกรด แก้ได้สองอย่าง กินพืชผักผลไม้ให้มากๆเพื่อเพิ่มโปแตสเซียม อีก
อย่างคือหายใจเอาออกซิเจนเข้ามามากๆเพราะยิ่งออกซิเจนเข้าไปในเลือดมากเท่าไหร่ ยิ่งทำให้
เลือดเราเป็นด่าง แต่ถ้าเราไม่ฝึกหายใจเอาออกซิเจนเข้าไป เลือดเราเป็นกรด เพราะเลือดเรา
จะมีคาร์บอนไดออกไซด์สูงมาก พวกนี้จะปวดเมื่อยร่างกายมาก เขาจึงให้ฝึกหายใจเพื่อเอา
คาร์บอนไดออกไซด์ออกไป แล้วเอาออกซิเจนเข้ามา มันถึงจะหายปวดเมื่อย มนุษย์อดอาหาร ๔๕-๕๐
วันยังอยู่ได้ อดน้ำได้ ๓-๕ วัน แต่อากาศหายใจ ขาดเ พียง ๘-๑๐ นาทีเท่านั้น อาหารที่สำคัญที่
สุดของร่างกายไม่ใช่สารอาหาร แต่เป็นออกซิเจนที่สูดเข้าไป ทำให้เลือดเราเป็นด่าง การที่เรานิ่ง
อยู่เฉย ๆ ไม่ได้ออกกำลังกาย จะมีคาร์บอนไดออกไซด์ในเลือดสูงมาก ทำให้เลือดเป็นกรด มันจะ
เมื่อยล้า


- คุณหมอพอจะแนะนำหลักการหายใจอย่างถูกต้องได้ไหมครับ
เงยหน้าเพื่อให้อากาศเข้ามากที่สุด เวลาหายใจเข้าพยายามให้เข้าทางรูจมูกเท่านั้น เพราะ
มันจะมีเครื่องกรองคือขนจมูก และจะมีเยื่อเมือก ๆ กรองด้วย การหายใจเข้าให้ปอดพองมากที่สุด
สามครั้งติด ๆ กันเลย ครั้งแรก กลั้นไว้ ครั้งที่ ๒ กลั้นไว้ ครั้งที่ ๓ กลั้นไว้ เหมือนใจจะขาด
พอค รบสามครั้ง ค่อย ๆ โน้มตัวลง อ้าปากเอาพิษออกให้หมด ยิ่งทำบ่อยเท่าไหร่ ปอดท่านยิ่งมีพลัง
มะเร็งปอดจะไม่เป็น เพราะออกซิเจนเข้าไปเต็มที่ ของเสียออกมาเต็มที่ ปอดมีความจุสองข้าง
ประมาณ ๓ ลิตรครึ่งถึง ๔ ลิตรครึ่ง แต่ถ้าเรายังหายใจแบบธรรมดาอยู่ อากาศเข้าออกเพียงครึ่ง
ลิตรเท่านั้น บางทีของเสียไม่ได้ออกเลย เหมือนหม้อกรองอากาศไม่เคยเป่าหม้อกรองตัวเองเลย
ปอดของเราคือหม้อกรองอากาศ เราต้องช่วยตรงนี้มาก ๆ เราเปลี่ยนปอดไม่ได้ แต่เราต้องบริหาร
การหายใจ จะทำให้ปอดมีประสิทธิภาพที่สุด


- แล้วพวกนักกีฬาที่ออกกำลังกายโดยการเตะฟุตบอล
นั่นไม่ใช่การออกกำลังกายที่ให้ประโยชน์ แต่เป็นการออกกำลังกายที่เกิดโทษแก่ร่างกาย เป็น
unaerobic เราต้องรู้ว่าการออกกำลังกายแบบ aerobic กับ unaerobic เป็นยังไง การออก
กำลังกายแบบ aerobic ร่างกายต้องเกิดด่างได้ออกซิเจน แต่ unaerobic ได้
คาร์บอนไดออกไซด์ ทำให้ร่างกายเกิดกรด ร่างกายเสื่อม คนที่ไปเต้นแอโรบิกทุกวันนี้ยังทำผิด เต้น
ๆ แล้วเกร็ง เครียด กลัวจะไม่ถูกจังหวะ ชื่อแอโรบิก แต่ไม่ใช่แอโรบิก แอโรบิกทำแบบไหนก็ได้
ไม่ต้องเครียด ให้สนุกสนาน ถ้าเครียดร่างกายจะเกิดกรด ฉะนั้นการแข่งกีฬาทุกวันนี้เป็นการ
ทำลายสุขภาพ ทั้งสุขภาพกายและจิต คนไม่เล่นก็สุขภาพจิตเสีย เพราะต้องลุ้นแข่งขันกัน เครียดมั้ย
ฉะนั้นนักกีฬาที่เล่นทุกวันนี้ นักฟุตบอล นักเล่นกล้าม นักวิ่ง มีใครอายุยืน... ไม่มีเลย เพราะร่างกา
ยม ันเสื่อม มีการพิสูจน์แล้วว่าการออกกำลังกายที่ดีที่สุดคือการเดินเร็วและให้ถูกแสงแดด เพราะ
มันไม่เครียด ไม่เหนื่อย ไม่เกร็ง และเป็นการออกกำลังกายชนิดเดียวเท่านั้นที่ทำให้ระบบประสาท
ส่วนกลางได้สมดุล


- คนที่เป็นมะเร็งควรจะกินอาหารประเภทใด
อาหารธรรมชาติอย่างพืชผักผลไม้ มะเร็งไม่ชอบแต่มีวิตามินสูง คนเป็นมะเร็งต้องกินอาหาร
พวกนี้ คนที่เป็นมะเร็งส่วนใหญ่จะกินอาหารแบบนี้ได้น้อย จึงขาดพวกเกลือแร่ เอนไซม์ วิตามิน ฉะนั้น
หมอจึงแนะนำให้กินพวกเกลือแร่ วิตามิน เอนไซม์เข้าไปช่วย สรุปแล้วคนเป็นมะเร็งต้องพยายามกิน
ผักผลไม้เพราะต้องการให้ก้อนมะเร็งอดอาหารแต่ไม่ให้ขาดเกลือแร่ วิตามิน เพราะมันจำเป็น ส่วน
จะเป็นวิตามินประเภทใดก็ต้องให้หมอตรวจเลือด เพื่อจะรู้ว่าร่างกายเราขาดอะไรก่อน


- การหยุดขยายก้อนมะเร็งนอกจากการเลือกกินอาหารแล้ว มีอะไรอีกครับ
ด้วยการกินวิตามินซี ตามหลักของแพทย์องค์รวม เขาบอกว่าวิตามินซีต้องได้อย่างน้อย ๒๐ กรัม
ต่อวัน ในร่างกายเรามีเซลอยู่ประมาณ ๗๕,๐๐๐ ล้านเซล เซลล์ดีจะมีเยื่อหุ้ม
เซลที่เรียกว่า....เหมือนเป็นเสื้อเกราะไม่ให้มะเร็งเข้ามาทำลายได้ แต่ถ้าเซลไหนเป็นมะเร็งแล้ว
เยื่อหุ้มเซลจะไม่มี แถมเซลมะเร็งจะสร้างเอนไซม์ชนิดหนึ่งเรียกว่า..... ซึ่งเป็นตัวร้าย เอมไซ
ม์ตัวนี้จะไปทำลายเสื้อเกราะของเซลอื่น ทำให้กลายเป็นมะเร็งต่อไปเรื่อย ๆ แต่พอวิตามินซีเข้า
ไปในกระแสเลือด มันจะไปทำลายเอนไซม์ตัวนี้ มะเร็งก็ไม่ขยายตัว นอกจากนี้วิตามินซีเป็นแอนตี้ออก
ซิแดนท์หรือสารต้านอนุมูลอิสระ มันช่วยลดความเครียดลงได้ ยกตัวอย่างเช่น คนไข้เจ็บปวด เวลา
ฉีดวิตามินซี ทำไมคนไข้สงบเร็วเพราะมันไปลดอีเอสอาร์หรือลดตะกอนเม็ดเลือดแดง ตะกอนเม็ด
เลือดแดงม ากเท่าไหร่ หมายความว่าเกิดการอักเสบหรือเกิดการเสื่อมของร่างกายมากขึ้นเท่านั้น
คนปรกติให้กินวิตามินซี ๔-๕ พันมิลลิกรัมต่อวัน แต่ถ้าคนที่อยู่ในเมืองมีมลภาวะ อย่างน้อยต้อง ๖
พันมิลลิกรัมขึ้นไป ประเทศที่กินวิตามินซีสูงมาก ประเทศนั้นสุขภาพเขาจะดีมาก แล้วหน้าตาเขาจะดี
ประเทศที่กินมากที่สุดคือสวีเดน รองลงไปคือรัสเซีย พวกนี้สุขภาพจะดีมาก ทั้งที่กินเนื้อสัตว์มาก


- เรากินวิตามินซีจากส้มเพียงพอหรือไม่
ท่านทราบหรือไม่ว่าส้มลูกหนึ่งมีวิตามินซีอยู่ ๑๐๐ มิลลิกรัม หมายความว่าต้องกินจากต้น แต่ถ้า
ส้มหนึ่งลูก เก็บไว้เจ็ดวัน จะเหลือ ๑ มิลลิกรัมเท่านั้น วิตามินซีหายหมดเลย ดังนั้นถ้าคุณจะกินส้มให้
ได้ ๔ พันมิลลิกรัม ต้องกินส้มสี่พันลูก


- กินวิตามินซีมาก ๆ ทางการแพทย์บอกว่าอาจจะมีปัญหากับระบบปัสสาวะ
วิตามินซีอยู่ในเลือดเราได้ ๒ ชั่วโมงแล้วจะถูกขับออกมา แต่ก่อนเขาบอกวิตามินซีพอกินเข้าไป
ปั๊บ ร่างกายเราจะเปลี่ยนเป็นออกซาลิกเอซิด แล้วพอตกไปกระเพาะปัสสาวะ มันจะเป็นนิ่ว แต่
เปอร์เซ็นต์มันน้อยเหลือเกิน ทฤษฎีมันว่าอย่างนั้นจริง แต่อัตราการเกิดมีน้อยมากเพราะปรกติมันจะ
ออกมากับปัสสาวะ ถ้าเราดื่มน้ำ มันจะออกหมดภายในสองชั่วโมงไม่ได้สะสม บางคนพอกินวิตามินซี
เข้าไปดื่มน้ำน้อย
วิตามินซีมีสามรูป แอสคอมิกเอซิด แคลเซียมแอสคอเบด โซเดียมแอสคอเบด อย่างพวก
วิตามินซีชีวภาพ เขาจะเอาทั้งสามอย่างมารวมกัน แอสคอมิกเอซิด เป็นกรด แคลเซียมแอสคอเบด
กับ โซเดียมแอสคอเบดเป็นด่าง เพื่อที่จะลดกรดลง ถ้าเรากินวิตามินซีพวกนี้เข้าไป จะไม่ค่อยมีปัญหา
แต่วิตามินซีที่เรากินทั่วไปจะเป็นแอสคอมิกเอซิด ซึ่งเป็นกรด กินเข้าไปแล้ว ขับถ่ายออกมาเร็ว ถ้า
เรากินน้ำน้อย ตะกอนพวกนี้ไปตกที่กระเพาะปัสสาวะ จะแสบ ฉะนั้นจึงบอกให้ดื่มน้ำมาก ๆ


- เหตุใดคุณหมอให้ความสำคัญกับการกินวิตามินมากครับ
คนเราทุกวันนี้ไม่เหมือนสมัยก่อน สิ่งแวดล้อมทำให้เรารับอนุมูลอิสระหรือสิ่งมีพิษเข้าไปในร่าง
กาย เราจะต้องกินพวกแอนตี้ออกซิแดนท์ เข้าไปมากที่สุดเพื่อต่อสู้กับมลภาวะพวกนี้ ฉะนั้นเรากินแค่
นั้นไม่เพียงพอ ตามปรกติจะให้ร่างกายแข็งแรง ต้องได้วิตามินซีไม่ต่ำกว่า ๔-๕ กรัมต่อวัน เป็น
ขนาดที่เพียงพอสำหรับให้ท่านมีชีวิตอยู่เท่านั้น ไม่ได้เพียงพอท ี่จะสร้างภูมิต้านกินหรือต่อสู้เชื้อโรค
คนในเมืองจึงเป็นหวัดกันไม่หยุดเลย ก็ลองกิน ๖-๑๒ กรัมดูซิว่าตอนที่เราอยู่ในเมือง เราเป็นหวัด
หรือไม่ ไม่เป็นหรอก แต่ที่ผ่านมาเราไปยึดตำราของกระทรวงสาธารณสุขของอเมริกาของแพทย์
ตะวันตกที่ให้กินวิตามินซีได้นิดเดียว ซึ่งเดี๋ยวนี้เขาเปลี่ยนไปหมดแล้ว จึงมีการสอนกันว่าเรื่องการให้
เกลือแร่ วิตามินต้องขึ้นอยู่ในสิ่งแวดล้อมอย่างนั้น



- หลักการป้องกันมะเร็งของคุณหมออีกประการคือการสร้างภูมิคุ้มกันให้กับร่างกาย ก็คือการเพิ่ม
ปริมาณเม็ดเลือดขาวใช่ไหม
พอเราเกิดมาปุ๊บ จะมีทหารมาคุ้มครองเรา คือเม็ดเลือดขาว ปรกติในหนึ่งตารางมิลลิเมตรจะ
ต้องมีเซลเม็ดเลือดขาวระหว่างห้าพันถึงหนึ่งหมื่น ถ้าเลือดเราอยู่ในเกณฑ์นี้ หมายถึงว่าร่างกาย
เราแข็งแรง& nbsp; ร่างกายเราพอเกิดมาก็มีสิ่งไม่ดีอยู่ในตัวเราแล้ว คือโรคที่เกิดจากเชื้อโรค
ทำให้เราไม่สบาย แต่ก็ยังมีความป่วยไข้อีกอย่าง เป็นโรคที่ไม่ใช่เชื้อโรค แต่เป็นโรคแห่งความ
เสื่อมของร่างกาย เช่น มะเร็ง เบาหวาน ความดัน ฯลฯ ในร่างกายคนเราทุกคนมีเซ
ลมะเร็งเหมือนบ้านเมืองนี้ มีโจรแต่ยังไม่ได้ปล้น คนที่ยังไม่ได้เป็นมะเร็งคือมันยังยึดไม่ได้
เพราะเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหารหรือภูมิคุ้มกันแข็งแกร่งอยู่ เมื่อไหร่เจ้าหน้าที่ยังแข็งแกร่งพวกนี้ก็อาศัย
อยู่เฉยๆ แต่เมื่อไหร่เจ้าหน้าที่อ่อนแอพวกนี้เล่นงานก่อนนอนก็ไม่ได้นอน ไปเที่ยวกลางคืนกำลังกาย
ก็ไม่ออก ทหารตำรวจก็อ่อนแอ มะเร็งก็เล่นงานเลย





- มีวิธีสร้างภูมิต้านกินอย่างไร
ทำได้หลายวิธี อาทิออกกำลังกายหรือเดินให้ได้รับแสงแดด แสงที่สะท้อนบนลูกตาจะไป
กระตุ้นต่อม ; ไพเนียล ใต้สมองให้หลั่งสารเอ็นโดฟินออกมาซึ่งเป็นฮอร์โมนที่เป็นความสุข
และระงับความเจ็บปวดได้ดีกว่ามอร์ฟีน ๒๕๐ เท่า เมื่อหลั่งออกมา เรามีความสุข มองโลกในแง่
บวกทันที พอไม่เจ็บ มันก็สดชื่นขึ้นมาทันที ฮอร์โมนหลั่งทันที มันไปกระตุ้นต่อมไทรอยและต่อมต่าง ๆ
ในร่างกายของเรา ให้ผลิตเม็ดเลือดขาวออกมาทันทีเลย นั่นหมายถึงว่าเริ่มสร้างภูมิต้านกินแล้ว
และการยิ้มหัวเราะคลายเคร ียดแต่ละครั้งก็หลั่งเอ็นโดฟีนออกมาด้วย นอกจากนี้แสงอุลตราไวโอเลต
ยังเปลี่ยนคลอเลสเตอรอลให้เป็นวิตามินดี วิตามินดีจะไปช่วยให้ แคลเซี่ยมที่อยู่นอกกระดูก
กลับเข้าไปในกระดูก ลดคลอเลสเตอรอล ทำให้กระดูกแข็งแกร่ง ช่วยในการดูดซึมของฟอสฟอรัส
แคลเซี่ยม แมกนีเซียม ในทางเดินอาหารให้ได้ดี วิตามินดีที่เรากินเข้าไปสู้ วิตามินดีที่เราได้จาก
ธรรมชาติจากแสงอุลตราไวโอเลตไม่ได้


- ไส้ติ่งก็เป็นประโยชน์แก่ภูมิคุ้มกันแก่ร่างกาย แต่แพทย์ปัจจุบันแนะนำให้ตัดออก
สมัยสงครามเวียดนาม ทหารอเมริกันที่มารบในสงคราม ทุกคนต้องผ่าตัดไส้ติ่งหมดเพราะกลัว
ว่าจะเกิดไส้ติ่งอักเสบในสงคราม ตัดหมดทุกคนเลย ไส้ติ่งมีประโยชน์เกี่ยวกับภูมิต้านกินหลายอย่าง
มาก ตอนหลังนักวิทยาศาสตร์เขารู้ว่าไส้ติ่งมีประโยชน์ ทหารอเมริกันที่กลับจากสงครามเขาเอาเรื่อง
รัฐบาลว่ามาตัดไส้ติ่งเขาหมด รัฐบาลปิดปากเงียบเลย ฉะนั้นพวกที่กลับจากสงครามเวียดนาม รัฐบาล
อเมริกันให้ทุกอย่างเลย เพื่อปิดปากเรื่องหน้าแตกนี้


- การเดินเท้าเปล่าช่วยสุขภาพอย่างไร
ผมสังเกตมนุษย์ที่อยู่บนเขาอายุยืนเยอะมากเลย ส่วนมากเขาจะเดินเท้าเปล่า คนที่เดินเท้า
เปล่าบนพื้นดินธรรมชาติ เราได้อะไร ได้พลังจักรวาลจากพื้นโลกซึ่งมันมีสนามแม่เหล็ก ในร่างกาย
ของเรา ประกอบไปด้วยเซลประมาณเจ็ดหมื่นห้าพันล้านเซล แต่ละเซลเหมือนแบตเตอรี่แต่ละลูก ที
นี้ในแต่ละลูกมันต้องมีขั้วบวก ขั้วลบ เมื่อร่างกายเสื่อมโทรม ประจุลบ ประจุบวกมันไม่สมดุลกัน
เหมือนแบตเตอรี่หมดไฟ ไฟมันหรี่ลง แต่ถ้าเราไปเดินเท้าเปล่าบนพื้นโลก พลังงานจากแม่เหล็ก
โลกมันจะไปเรียงอิเล็กตรอนกับโปรตอนในเซลของเราใหม่ เหมือนเราไปชาร์จแบตเตอรี่ใหม่
ฉะนั้นเราสังเกตง่าย ๆว่า คนที่ใส่แต่รองเท้า แล้วอยู่แต่ในตึกพวกนี้ พลังงานจักรวาลจะไม่ได้เลย
พลังงานจักรวาลในโลกเราได้มาอย่ างไร ๙๘ เปอร์เซ็นต์ได้มาจากดวงอาทิตย์ แม้แต่อาหารก็มา
จากดวงอาทิตย์ ดวงอาทิตย์เปลี่ยนพลังงานไว้ตรงไหน ที่พืชพรรณธัญญาหาร เราก็กินพวกนี้เข้าไป


- การรักษาคนไข้ของหมอแผนปัจจุบันอาจจะไม่ได้ให้ความสำคัญกับการสร้างภูมิคุ้มกันหรือไม่
ที่มันเกิดโรคหรือโจรเกิดในบ้านเมืองเพราะอะไร เพราะความอ่อนแอของเจ้าหน้าที่ เซ
ลมะเร็งก็มีมาตั้งแต่เราเกิด แต่ถ้าเราภูมิต้านกินดี มันก็อยู่เฉย ๆ ทำอะไรเราไม่ได้ แต่เมื่อเป็น
มะเร็งเราไม่เคยคิดว่าจะสร้างภูมิต้านกินอย่างไร คิดแต่จะฆ่าศัตรู แต่อย่าลืมว่าฆ่าพวกนี้ไม่ได้หมด
เพราะมันกลายพัน ธุ์ไปเรื่อย เดี๋ยวนี้เพนนิซิลิน คนลืมไปแล้ว เพราะมันใช้ไม่ได้ผล คิดค้นมาเท่า
ไหร่ พวกนี้ก็แข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ อย่างมะเร็งทุกวันนี้ก็กลายพันธุ์ไปเรื่อย ครั้งแรกใช้คีโมตัวนี้
พอใช้ไป ดื้อซะแล้ว ตัวใหม่แรงกว่าเก่า แล้วก็ดื้ออีก ในขณะที่ร่างกายเรามีแต่อ่อนแอลง
เพราะคีโมไม่ได้ไปหยุดการเจริญเติบโตของเซลมะเร็งเท่านั้น แต่เซลเม็ดเลือดขาวพลอยตายไป
ด้วย สมมุติเป็นมะเร็งลำไส้ ไปผ่าตัดปั๊บ บางทีเป็นเต้านม ตั ดอีก อยู่ไม่เท่าไหร่ เป็นอีก เพราะ
อะไร เพราะเซลมะเร็งยังอยู่ ท่านไม่สามารถพิชิตโรคที่เกิดได้ แต่สามารถทำให้ร่างกายแข็งแรง
เหมือนเราไม่สามารถปราบโจรในโลกให้หมดได้ แต่สามารถป้องกันไม่ให้โจรมาปล้นได้ ถ้าเจ้า
หน้าที่ของเราเข้มแข็ง


- หมายความว่าการรักษามะเร็งด้วยการผ่าตัด ฉายแสง หรือคีโมไม่ใช่แนวทางที่ถูกต้อง
ผมเชื่อว่าการรักษาทุกอย่างใช้ได้หรือไม่ ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของคนไข้แต่ละกรณีไป เหมือนการ
ผ่าตัดมะเร็ง บางครั้งก็จำเป็น บางทีมะเร็งไปอุดตันหรือไปเบียดบังอวัยวะอื่น ทำให้อวัยวะอื่นทำงาน
ไม่ได้เต็มที่ ก็จำเป็นต้องตัด แต่ตัดแล้วไม่ใช่หาย หรือฉายแสงให้คีโมแล้วก็ยังไม่หาย ตราบใดที่เม็ด
เลือดขาวเรายังอ่อนแอ


- นอกจากหลักการควบคุมอาหาร และการสร้างภูมิต้านกินแล้วคุณหมอให้ความสำคัญกับการทำดีท็อกซ์
ดีท็อกซ์ ย่อมาจาก Detoxification หมายถึงการกำจัดพิษออกจากร่างกาย การเอาพิษออก
มีหลายวิธี เช่นการออกกำลังกาย การอบความร้อน แต่ในที่นี้เราหมายถึงการสวนทวาร เพราะ
อาหารที่เรากินเข้าไป จะระบายเป็นของเสียคือ อุจจาระ ปัสสาวะ เหงื่อ และลมหายใจ ตรงไหน
สกปรกมากที่สุด ก็คืออุจจาระ ขณะที่เหงื่อที่ระบายออกมาทางผิวหนัง เราก็ทำความสะอาดโดยการ
อาบน้ำวันละสองครั้ง ทั้งที่สกปรกน้อยกว่าอุจจาระ การที่เราถ่ายทุกวัน เราไม่ได้ถ่ายหม ด บางคน
ไขมันติดเป็นคราบเป็นก้อนอยู่กับลำไส้ เป็นเวลาหลายสิบปี อาหารที่มีเส้นใยก็ไม่กิน ข้าวกล้องก็ไม่กิน
ของเสียติดกันเป็นพืด เป็นพิษเข้าไปร่างกาย แต่การทำดีทอกซ์มันช่วยทำให้ลำไส้สะอาด เมื่อลำไส้
เราสะอาด แล็กโตบาซิลลัสซึ่งเป็นแบคทีเรียชนิดดีจะเจริญเติบโตได้รวดเร็ว การดูดซึมสามารถทำได้
เต็มที่ แต่ถ้าอุจจาระมีกลิ่นเหม็น เกิดสารพิษขึ้นตั้ง ๙ อย่าง สารพวกนี้นอกจากก่อมะเร็งลำไส้แล้ว
ยังสามารถดูดซึมเข้าไปในกระแสเลือด ทำให้ตับทำงานหนัก การทำดีทอกซ์เป็นการช่วยตับด้วยให้รับ
ภาระนี้น้อยลง กาแฟยังไปช่วยตับให้ผลิตน้ำดีเพิ่มขึ้นเพื่อไปลดโคเลสเตอรอล และเอาของเสียที่ตับ
กำจัดออกมา น้ำดีเหมือนรถบรรทุก เอาของเสียมาทิ้งกับน้ำดี น้ำดีก็จะพาออกมากับอาหารของเรา
นอกจากมันช่วยย่อยอาหารแล้วยังช่วยเอาของเสียออกมาจากตับด้วย&nb sp;


- ถ้าคนเราถ่ายวันละสองครั้ง ยังต้องทำดีทอกซ์หรือไม่
ควรทำ เพราะถึงคุณถ่ายยังไง ก็ไม่หมด ไม่สะอาด สังเกตดูว่าถ่ายสองครั้งมีกลิ่นหรือไม่ ถ้ามี
หมายความว่าเกิดของเสีย ๙ อย่างแล้ว


- การที่เราทำดีทอกซ์ทุกวัน แบคทีเรียที่ดีจะไม่ออกจากร่างกายหรือ
มันออกไปบ้าง แต่มันเจริญเติบโตเร็ว ขยายตัวเร็ว เพราะลำไส้เป็นกรดคือลำไส้สะอาด แต่
ถ้าเป็นด่างคือมีกลิ่นเหม็น สกปรก แบคทีเรียพวกแลคโตบาซิลลัส มันจะชอบลำไส้ที่เป็นกรด สะอาด
แต่แบคทีเรียชนิดเลว ชอบลำไส้สกปรก และเป็นด่าง


- คุณหมอทำดีทอกซ์ตั้งแต่กลับมารักษาตัวที่กรุงเทพฯหรือไม่
ทำตั้งแต่เป็นมะเร็งอยู่เมืองนอกแต่ทำครั้งเดียว และมาตรวจดูว่า พิษในไตและตับลดลงไม่มาก
ต่อมาก็พบว่าอาหารที่มีกากจะอยู่ในลำไส้เรา ๑๒-๑๔ ชั่วโมง ถ้าเราทำดีทอกซ์วันละครั้ง มันลดลง
ไม่หมดเพราะ ๒๔ ชั่วโมง อุจจาระเรามีกลิ่นแล้ว เราจะทำยังไงไม่ให้อุจจาระเรามีกลิ่น ก็ลองทำ
สองครั้ง เช้า-เย็น กากอาหารจะอยู่ในลำไส้ไม่เกิน ๑๒ ชั่วโมง ปรากฏอุจจาระไม่มีกลิ่น เท่านั้น
แหละไม่กี่เดือน พิษต่าง ๆ ของตับและไตลดลงเป็นปรกติเลยเป็นการล้างพิษที่ดีที่สุดและถูกหลักวิทยา
ศาสตร์ เพราะเขาบอกว่า ยิ่งลำไส้ใหญ่สะอาดเท่าไหร่ มีสภาพเป็นกรดมากเท่าไหร่ แบคทีเรีย
ชนิดดียิ่งเจริญมากเท่านั้นเป็นผลดีต่อตับไตมากเท่านั้น แบคทีเรียชนิดดี ถ้ามีจำนวนมากขึ้น จะช่วยร่าง
กายย่อยอาหาร กินแบคทีเรียที่ไม่ดี สังเคราะห์พวกไฟเบอร์ต่าง ๆ ให้เปลี่ยนเป็นวิตามินบี
วิตามินเคได้


- ทำไมการทำดีท็อกซ์จึงต้องใช้น้ำกาแฟด้วย
มีคนถามผมหลายคนว่า ดื่มกาแฟไม่ช่วยในการล้างพิษหรือ อยากเรียนว่ามันต่างกัน เวลาดื่ม
กาแฟมันจะดูดซึมที่กระเพาะและลำไส้เล็ก เข้าไปในกระแสเลือด ไปกระตุ้นหัวใจ ระบบประสาท แต่ การทำดีท๊อกซ์น้ำกาแฟจากลำไส้ใหญ่จะมาที่ตับ ไปคนละทางกัน สารคาเฟอีนในกาแฟจะดูดซึมเข้า
ไปตามเส้นเลือดดำในลำไส้ใหญ่ ไปที่ตับ เพื่อกระตุ้นตับให้กระปรี้กระเปร่าขึ้น ผลิตน้ำดีมากขึ้น ท่อน้ำ
ดีขยายขึ้น เอาพิษทั้งหลายที่คั่งค้างให้ออกมากับน้ำดีเวลาเราถ่ายออกมา เพราะตับเราทำงานหนัก
มากที่สุดเพราะสารพิษทั้งหลายที่ผ่านเลือดต้องไปกรองที่ตับ ตับกรองได้ ๙๙ เปอร์เซ็นต์ แต่ถ้าตับ
เราไม่ดี มันกรองไม่ได้ แล้วถ้าเลือดเป็นพิษมาก ๆ เราตาย ฉะนั้นถ้าเรากินของพิษเข้าไปมาก
ๆ แถมเราท้องผูก ถ่ายไม่หมด พิษที่มาจากเลือดตามปรกติก็มีอยู่แล้ว พิษจากการกินอาหารเข้าไป
และพิ ษมากที่สุดอันหนึ่งคือ อุจจาระ พอเราถ่ายไม่หมด พิษมันย้อนกลับไปที่ตับ ยิ่งท้องผูกเท่าไหร่
พิษ
ก็ยิ่งไปอยู่ที่ตับกับไต พอตับและไตทำงานกรองสารพิษหนัก ๆ จนไม่ไหว ระบบในร่างกายก็พาลเสียไป

------------------------------------

A wrote

อันนี้คือ สรุปจากเวบลิงค์ที่ส่งมา ส่วนที่เป็นภาษาไทยคิดว่าคงอ่านกันแล้ว อันนี้มาจากส่วนที่เป็น ภาษาอังกฤษจาก wikipedia

ส่วน www.cancer.gov คิดว่าคงเหมาส่วนมากเป็นการรักษายีนส์ของคน US (***.gov) ของคนเอเชีย น่าจะคนละอย่าง (คิดเอาเองหลังจากอ่านจาก wiki)


This is the disadvantage of the Gene therapy
ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นได้จากการรักษา

This procedure was not a cure; the white blood cells treated genetically only work for a few months, after which the process must be repeated
(ถ้าหารปลูกถ่ายไม่สำเร็จ หรือสำเร็จแต่อาจจะไม่คงอยู่ ต้องกลับมาปลูกถ่ายยีนส์อยู่เรื่อยๆ)


The biology of human gene therapy is very complex, and there are many techniques that still need to be developed and diseases that need to be understood
(การปลูกถ่ายยีนส์นั้น ซับซ้อนมาก แต่ละโรค แต่ละชนิดของมะเร็ง นั้นแตกต่างกัน วิธีรักษาให้ถูกต้องตามชนิด นั้นจำเป็น)

to introduce genes straight into human cells, focusing on diseases caused by single-gene defects,
However, this has been much harder because of the problems involved in carrying large sections of DNA.
(อาการเจ็บป่วยอาจเกิดขึ้นจากยีนส์เพียงตัวเดียว แต่การค้นหานั้นต้องหาจากกลุ่มของโครโมโซม ที่มีจำนวนมหาศาล)

Target cells such as the patient's liver or lung cells are infected with the vector(the carrier of good genes). The vector then unloads its genetic material containing the therapeutic human gene into the target cell. The generation of a functional protein product from the therapeutic gene restores the target cell to a normal cell.
(ยีนส์ตัวใหม่ ที่ปลูกถ่ายเข้าไปจะเรียกว่า Vector จะเข้าไปเป็นประชากรแทนยืนส์เดิมที่ทำให้ป่วย และใช้เวลาในการเติบโตจนกว่าจะเปลี่ยนทุกยีนส์ที่ป่วย ให้เป็นปกติ)

A virus is found which replicates by inserting its genes into the host cell's genome. This virus has two genes- A and B. Gene A encodes a protein which allows this virus to insert itself into the host's genome. Gene B causes the disease this virus is associated with. Gene C is the "normal" or "desirable" gene we want in the place of gene B. Thus, by re-engineering the virus so that gene B is replaced by gene C, while allowing gene A to properly function, this virus could introduce the required gene - gene C into the host cell's genome without causing any disease.
(อันนี้ยาก อ่านเอาเอง)

All this is clearly an oversimplification, and numerous problems exist that prevent gene therapy using viral vectors, such as: trouble preventing undesired effects, ensuring the virus will infect the correct target cell in the body, and ensuring that the inserted gene doesn't disrupt any vital genes already in the genome. However, this basic mode of gene introduction currently shows much promise and doctors and scientists are working hard to fix any potential problems that could exist.
(สรุป วิธีข้างต้นนั้น แสดงให้เห็นว่า การแก้ไขเฉพาะที่ ยีนส์ A และ B อาจจะมีผลกระทบถึง ยีนส์ C ถึงแม้จะไม่เกี่ยวข้อง อาจเกิดการกลายพันธุ์ เพราะการปลูกถ่าย)

it randomly shoves the genetic material into a chromosome.If genetic material happens to be inserted in the middle of one of the original genes of the host cell, this gene will be disrupted
(เหตุผล ยืนยันบทความด้านบน)

If the gene happens to be one regulating cell division, uncontrolled cell division (i.e., cancer) can occur.
More than twenty patients have been treated in France and Britain, with a high rate of immune system reconstitution observed.have developed leukemia as a result of insertional mutagenesis by the retroviral vector. `
(หากผิดพลาดอาจก่อให้เกิดมะเร็ง
และการทดลองครั้งแรกๆที่สำเร็จนั้น มันได้ผล แต่กลุ่มเด็กที่ทดลองนั้น มีภูมิคุ้มกันสูงมากอยู่แล้ว)

Adenoviruses This vector system has shown real promise in treating cancer and indeed the first gene therapy product to be licensed to treat cancer is an adenovirus. (Adenoviruses เป็นวิธีการปลูกถ่ายยีนส์อันแรกที่ได้รับอนุญาติให้ใช้อย่างถูกกฏหมาย และใช้ในการรักษามะเร็งโดยตรง)


As a result, treatment with the adenovirus will require readministration in a growing cell population although the absence of integration into the host cell's genome should prevent the type of cancer
(แน่นอนถ้ามัน works มันก็ต้องยาก เพราะจำนวนเซลล์ที่มีมหาศาลที่ต้องอ่าน แต่ถ้าค้นหาได้ถูกตัว มันก็จะสามารถหยุดการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็งได้)



I did not say that it will not work but i only think we should prepare for the unexpected that might happen.
I have questions

- how will we convince Aom's family (or her Father) to try the Curing that we have here?

- I feel that her family will not take any more risks wa, what will you say?

ยกตัวอย่างเหมือนที่ อาต แนะนำ ให้ที่บ้านออม ทำ Broccoli ให้ออมทาน เพราะมันจะช่วยรักษามะเร็ง แต่เขาก็ยังไม่เคยทำ
แต่กลับ ยอมให้ออม ไปรักษาด้วยพลังจักรวาลแทน....
แล้วมันก็ไม่ได้ผล กลับมาป่วยหนักกว่าเดิม เพราะทิ้งไว้นาน

และจนทุกวันนี้ ก็ยังไม่มีใครผัด Broccoli ให้ออมทาน...


From what i have read from LuKpLA
I agreed with your reading wa, but it says most of the fellow did not succeed....Ra-Yum!!

Mind Concetration + Eat right
Nowaday Aom eat only vagetables wa but still have some fish. Who took the Food Science major wa? help


ขอโทษถ้าที่เขียนข้างบน จะอ่านเหมือนไม่ยอมรับวิธี
การใหม่ๆ หรือไอเดียของคนอื่น แต่สารภาพว่าค่อนข้างเครียด กลัวว่ามันจะไม่หาย กลัวมันจะทรมาน กลัวทำอะไรให้มันไม่ทัน


ใครทำได้ดีกว่านี้ ทำแทนกูที

A

-------------------------------------------

Pu wrote

From IMP Group

Broccoli um... interesting . You guys need to help AOM i know but the most priority is let AOM parent choose things that might be the best therapy for AOM krub, things we can do just find the way to reduce cancer and propose to her parent.

As mind, still keeping her promised to kick my ass....!! after cured
PS. anyone can tell me when we can visit at her place krub?.

Love you guys

Pu

------------------------------------------

Art wrote

อย่ากังวลว่าถ้าไม่หายใครจะรับผิดชอบอะนะสาธุ กินBroccoli เขากินหายกันอะนะ http://www.ipst.ac.th/thaiversion/publications/in_sci/broccoli.pdf
http://www.clickmeup.net/freewebboard/view.php?bn=aggie15cmu&qID=42


From IMP Group

หน้ากรูอาจจะดูไม่ฉลาด เอาฮาไปวันๆแต่ บอกตรงๆนะว่ากรูไม่เป็นอย่างที่คิดอะ กรูไม่ได้หล่ออย่างเดี้้ยวอะนะ กรูฉลาดและนิสัยดีด้วย

อยากบอกว่า Broccoli สุดยอดอะนะ ถ้ามะเร็งไม่หาย ร่างกายแข็งแรงแน่นอนอะนะ

ส่วนเรื่องว่าถ้าไม่หายกรูจะผิดไหม ไม่ต้องกังวลอะนะ ลูกธนูที่ปล่อยออกไป ใครๆก็อยากให้มันโดนตรงกลางเป้า เมื่อปล่อยลูกธนูออกไปแล้ว
ด้วยจุดมุ่งหมายที่ดีแล้ว อย่ากังวลเลยว่ามันจะโดนจุดที่เราต้องการ เมื่อถึงเป้าเราก็แค่ยอมรับคำตอบอะนะ ไม่ได้หล่ออย่างเดียวคารมดีด้วยสาธุ

สองวิธีที่ให้ไปอะนะ จากข้อมูลดูแล้วยังไงก็ทรมารน้อยก่าวิธีนี้อะนะ

ART

---------------------------------------------------

Pu wrote

Agree with ART na, i just เป็นห่วง you guys.

For AOM, i'm really sorry that never call on you. But i wish you will getting better soon.

Love you guys

Pu

---------------------------------------------

A wrote

PS. anyone can tell me when we can visit at her place krub?.

พี่เอ บอกว่า เข้าเยี่ยมได้เมื่อไหร่ จะโทรมาบอกเอง เราจะได้ไม่ต้อง เตรียมตัวหลายรอบ

กูกำลังจะหมดเวลาเยี่ยม เพราะยายกูที่เป็นมะเร็งปอดเหมื
อนกัน จะมาจากเชียงใหม่ วันนี้แล้ว กูคงพกไวรัสแทรกซ้อนไว้กับตัวอีกตามเคย ถ้าได้เยี่ยมช่วงนี้กันพอดี
ฝากเยี่ยมด้วยนะ

กูจะเอาเรื่องพวกนี้ลง blog ทีหลัง ออกความเห็นกันหน่อย ถ้าไม่กลัวมาอ่านทีหลัง แล้วทำไมไม่มีชื่อกู

เชื่อใจคนหล่อ

____________________


Saturday, November 8, 2008

วันนี้ไปเยี่ยม "ออม" มาอีกแล้ว


อาการ "ออม" วันนี้ดูดีขึ้นมาก คุยได้เยอะ หัวเราะกันตลอด(อาจจะเพราะได้เจอใครก็ก็ไม่รู้ อิอิ) ตอนนี้คุณหมอห้ามเยี่ยมอยู่เพราะว่ากลัวจะติดเชื้อ คาดว่าจะออกจากโรงพยาบาลได้วันอาทิตย์นี้ เห็นว่าวันลอยกระทงก็จะไปลอยด้วย ซ่าจริงๆเลย!!

buapretty wrote on Nov 6
ขอให้หายเร็ว ๆ นะคะ

rukkunforever wrote on Nov 6
ขอให้แข็งแรงไวไว นะครับ

naoye wrote today at 9:48 AM
หายเร็วๆ นะคะ
____________________




Thursday, November 6, 2008

Aom - Emergency at Late Night

Photo Album"ออม"ต้องเข้าโรงพยาบาลฉุกเฉินกลางดึกNov 5, '08 4:01 AM
for everyone
เมื่อ คืน"ออม"มีอาการปวดหน้าอกมากๆ จึงจำเป็นต้องเรียกรถพยาบาลกลางดึกของเมื่อคืน ตอนนี้เข้ารักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลมงกฏวัฒนะ เต๊อะกับยีนส์เลยไปเยี่ยมพร้อมกับเอายาไปให้ อาการออมดีขึ้นกว่าเมื่อวานแต่ว่าก็ยังปวดหน้าอกอยู่ ร่างกายดูอ่อนแอ ตัวเล็กลงกว่าเดิมเยอะหลังจากทำคีโมเสร็จแล้ว ตอนนี้น้ำหนักอยู่ที่ 31 กิโลกรัม เท่านั้น!!! ยังไม่มีกำหนดว่า ออม จะได้ออกจากโรงพยาบาลวันไหน แต่ข่าวดีคือ ออมไม่ได้ติดเชื้อหลังทำคีโมเหมือนคราวที่แล้ว


  • พี่สาวเธอบอกว่า ผล X-ray ปอดปกติดี แต่กล้ามเนื้อคงไปทับบริเวณปอดเลยทำให้อึดอัด
  • คุณพ่อออม อาจจะให้ออมอยู่ รพ. ยาวทั้งอาทิตย์นี้ เพื่อดูอาการและเพราะความเป็นห่วง
  • Her sister said that, there is nothing wrong with her Lungs from the X-ray film , but it might be the muscle cause the pain around her chest.
  • Aom's father decided to have Aom stay in the Hospital till the end of this week for the medical care reason and because of the LOVE.
mangpor88 wrote on Nov 5
สู้นะ...

gaka wrote today at 2:42 AM
สู้นะจ่ะเ้นกำลังใจให้นะ

almondss wrote today at 4:25 AM, edited today at 4:25 AM
ขอให้หายเร็วๆๆน่ะค่ะ

เป็นกำลังใจให้นะค่ะ

หลังพายุร้าย ฟ้าย่อมสดใสเสมอค่ะ

http://almondss.multiply.com/

yotsa wrote today at 4:29 AM
เป็นกำลังใจให้เช่นกันครับ

teekrub wrote today at 7:20 AM
มาเป็นกำลังใจให้อีกคนครับ

natchh wrote today at 9:38 AM
สู้ๆนะครับ ขอให้หายไวๆ

adct2luv wrote today at 9:42 AM
โอว....
เศร้าๆ

ขอให้หายเร็วๆจ้า...

i3122 wrote today at 11:29 AM
หายไวๆนะคร้าบ

pat177 wrote today at 12:55 PM
ออมจ้าา สู้ๆๆนะจ้ะ

_________________

ตอนนี้อาการออมแย่มาก ๆอ่ะจ๊ะ

A says:
Nov 5, 2008 11:16 AM
รับทราบครับ บอกเพื่อนๆให้

mOo aA says:
Nov 4, 2008 9:09 PM
ตอนนี้อาการออมแย่มาก ๆอ่ะจ๊ะเอ


เมื่อกี้เพิ่งให้รถรพ.ไปรับที่บ้านแม่ตอนนี้เค้ามีอาการเจ็บมาก ๆที่หน้าอกอีกแล้ว


พี่เลยมาส่งข่าวให้เอรู้อ่ะค่ะ


Someone has visited Aom

Pat wrote on
Tue, Nov 4, 2008 at 2:20 AM


sorry for being so late..but here it comes,

I had a visit to Aom on november 3rd, got there at bout 2 or 3pm..there i met Aom's mother, i greeted her then i went straight to Aom's bed. Though this is the first time i visited her but my true feeling toward her is that i strongly believe that she will be cured.


Right in front of me, Aom was
unbelievingly looking good. She still looked like that little
Aom running around in St.John's uniform except that
she got abit smaller, her wrists, her arms, her body.
She didn't even show a sign of pain. I think she must be
really taugh, she got all the love from ppl surrounding
her. As i stepped closer to her, the first word she said to me
was "กินไรมายัง" (haf i eaten?) in my mind, i go like..goshhh..
i'm sooo so normal but she was so nice, so concern asking
me to eat. Then i sat down beside her, i asked her permission
if i could hold her hand coz' im so afraid that i could got
her in pain, she said yes..so i held her hand for awhile.


All the time i talked to her mom, i recognized that
Aom
always kept closing her eyes so i asked if she wanted
to take a rest, she said no..it was just that she would get
dizzy if she opened her eyes for so long. Her mom added
that this was because of the medications the doctor gave.
It would kill the disease but along with it, it would kill
the good cells in her body, too. Aom's mom also added
that tomorrow the doctor would allow her to
go back home. Good for her.


so then this is what i haf to say, i wish her luck in everyway
and once again i want to say that
i still strongly believe that she will be cured..

come back to us, be the same Aom..and whatever it takes,
no matter how long, she will always be loved by all of us.

Patty Pretty

-----------------------------------------

Alisa wrote on Tue, Nov 4, 2008 at 12:15 PM

Hey !!!

I forgot to tell you that Pat and I had visited Aom, Inthrarat on 31st Oct la.

Yep!! it's Halloween day!! I brought her some Swiss chocolate (which i bought from France) included with some of my favorite candy, Skittle. I said to her that i wasn't sure that she could eat it right now but she had to try some when she is cured because i do guarantee that
my Swiss chocolate is
very tasty!!


When i arrived there, I didn't meet her mom yet coz she went
down to buy something for her. Aom was resting with
her eyes closed. When she saw Pat and me, many times
that she tried to make some conversation with her eyes closed.
I realized that she was probably tired from having
medications so i had to keep saying that...

"It's ok Aom, you should have some rest na and
i will wait here for your mom"

When i had met and talked with her mom, she
told me that lucky me that today her looks was
really better. I very glad to hear that la...^ ^
Even we didn't talk much after i met her mom,
i knew she was listening to our conversion la coz
she would sometimes answer me something by
herself... I was there not very long coz...

i was afraid that
my voice would bother her sleep
(I hilight this one myself, I know everyone does, A )

so i said goodbye to her and left in 45 mins.
I think it's such a good news to know that doctor
allowed her to go back home coz i remembered
what she told me was

she preferred staying home than the hospital.

I do have some confidence that she will be cured la
and wishing her to try my chocolate soon ^ ^

AliSa
_________________________